วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รวมเหรียญแปลก ๆ ในโลก

รวมข้อมูลเหรียญกษาปณ์

    9 ชนิดเหรียญกษาปณ์ชุดใหม่ เตรียมหมุนเวียนให้ปชช.ใช้แล้ว ชูเหรียญ 2 บาท"สีทอง

    9 ชนิดเหรียญกษาปณ์ชุดใหม่ เตรียมหมุนเวียนให้ปชช.ใช้แล้ว ชูเหรียญ 2 บาท"สีทอง"เริ่มใช้ 3 ก.พ.

    "กรมธนารักษ์"ออกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน 9 ชนิด เกือบ 2 พันล.เหรียญ อ้างลดต้นทุน เผยยังใช้หยอดจ่ายค่ารถไฟฟ้า-รถใต้ดินไม่ได้

    นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ว่า ปี 2552 กรมธนารักษ์ตั้งเป้าหมายจะออกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ 9 ชนิดราคา รวม 1,956 ล้านเหรียญ ประกอบด้วย เหรียญ 2 บาทรุ่นใหม่ ที่มีสีทอง 240 ล้านเหรียญ จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนเหรียญ 1 บาท ตั้งเป้าหมายผลิตใหม่ 960 ล้านเหรียญ คาดว่าเริ่มนำออกมาใช้ได้ในเดือนกันยายน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการประกวดราคา ส่วนเหรียญ 5 บาท จะผลิตใหม่ 276 ล้านเหรียญ เริ่มใช้ในเดือนเมษายน เหรียญ 10 บาท ผลิตใหม่ 120 ล้านเหรียญ เริ่มใช้ในเดือนมิถุนายน ขณะที่เหรียญ 50 สตางค์ ผลิตใหม่ 180 ล้านเหรียญ และเหรียญ 25 สตางค์ ผลิตใหม่ 216 ล้านเหรียญ คาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้
    นพ.พฤฒิชัย กล่าวอีกว่า ปัญหาตอนนี้คือ เหรียญรุ่นใหม่ยังไม่สามารถใช้กับเครื่องหยอดเหรียญ เช่น จ่ายค่ารถไฟฟ้า หรือรถไฟใต้ดินได้ โดยยังอยู่ระหว่างการซักซ้อมความเข้ากับผู้ประกอบการ เพื่อขอให้ปรับระบบเพื่อรองรับรูปแบบเหรียญที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น เหรียญ 5 บาท จะมีขนาดเท่าเดิม แต่น้ำหนักจะเบากว่ามาก ขณะที่เหรียญ 50 สตางค์และ 25 สตางค์ จะเปลี่ยนวัสดุจากอะลูมิเนียมบรอนซ์ เป็นไส้เหล็ก ชุบทองแดง จึงทำให้สีของเหรียญ 50 สตางค์ และ 25 สตางค์ เปลี่ยนจากสีทอง เป็นสีทองแดงมากขึ้น 
    "สาเหตุที่มีการผลิตเหรียญกษาปณ์ชุดใหม่ครั้งนี้ เพราะต้องการลดต้นทุนการผลิตเหรียญลง เนื่องจากราคาโลหะที่ใช้ผลิตเหรียญกษาปณ์ในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และผลจากการปรับซีรีส์เหรียญใหม่ครั้งนี้ ทำให้กรมธนารักษ์สามารถลดต้นทุนการผลิตเหรียญในปี 2552 ได้ถึง 15%" นพ.พฤฒิชัย กล่าว

    คลังผลิตธนารักษ์ศึกษาปั๊มเหรียญ20-50-100บาท

    คมชัดลึก :คลัง สั่งธนารักษ์ศึกษาเตรียมพร้อมผลิตเหรียญ 20-50-100 บาท ใช้แทนธนบัตรรับเศรษฐกิจฟื้นตัวปีหน้า ระบุต้นทุนถูก-คงทนกว่านานนับสิบปี เตรียมถกแบงก์ชาติ-สภาพัฒน์ถึงผลดีผลเสีย หวั่นถูกมองเงินมีค่าน้อยลง 
    แนวคิดที่กระทรวงการคลัง จะผลิตเหรียญ 20, 50, และ 100 บาท เพื่อใช้แทนธนบัตร ยังเป็นข้อถกเถียงที่หาข้อยุติไม่ได้ โดยล่าสุดนายประสิทธิ์ สืบชนะ โฆษกกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมีนโยบายให้กรมธนารักษ์ศึกษาการผลิตเหรียญกษาปณ์ 20, 50 และ 100 บาท เพื่อนำออกใช้ในระบบแทนการผลิตธนบัตร และถือเป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับระบบเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังขยาย ตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหากเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระดับที่เหมาะสมจะได้เริ่มผลิตออกใช้ ซึ่งปี 2553 มองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว จึงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เหมือนกับประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น เช่น ญี่ปุ่นจะมีการผลิตเหรียญ 100 เยนออกใช้ เนื่องจากค่าเงินของญี่ปุ่นแข็งค่ามากเหมือนกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

     ดังนั้นจะเห็นว่าปัจจุบันเหรียญที่มีมูลค่าน้อย ประชาชนจะเริ่มไม่ค่อยนำมาใช้จ่ายในระบบกันมากนัก เช่น เหรียญ 25 หรือ 50 สตางค์ แม้กระทั่งเหรียญ 1 บาท ในปัจจุบันจะถูกมองว่ามีค่าน้อยมาก เมื่อค่าครองชีพสูงขึ้น ราคาสินค้าแพงขึ้น เหรียญ 5, 10, 20, 50 จะถูกใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้ามากขึ้น แต่แนวทางดังกล่าวต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ชัดเจนก่อน เพราะการผลิตเหรียญ 20, 50 และ 100 บาทออกมาใช้แทนการผลิตธนบัตรของ ธปท.ต้องศึกษาผลดีผลเสียก่อน โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาด้วย และอาจทำให้เงินเหรียญถูกมองว่ามีค่าน้อยลง จึงต้องศึกษาให้รอบคอบอีกครั้ง

     อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่าน ธปท.โอนหน้าที่ให้ธนารักษ์ผลิตเหรียญ 10 บาทแทนธนบัตรใบละ 10 บาท ตั้งแต่ปี 2532 หรือเป็นเวลาถึง 13 ปี มาแล้ว ในช่วงแรกประชาชนจะไม่ค่อยคุ้นเคย และจะรู้สึกแปลกๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ชินกับการใช้เหรียญ 10 บาท อีกทั้งธนบัตร 10 บาท มีอายุใช้งานได้เพียง 6-8 เดือน ขณะที่เหรียญ 10 บาท มีอายุใช้งานได้ถึง 10 ปี หากไม่ถูกทำลายให้บุบสลาย และยังมีต้นทุนการผลิตถูกกว่าธนบัตร โดยช่วงแรกที่ผลิตมีต้นทุนเพียง 3 บาท แต่ปัจจุบันต้นทุนเพิ่มเป็น 5 บาท จึงต้องปรับปรุงระบบการผลิตเหรียญกษาปณ์ หรือเปลี่ยนซีรีส์เหรียญแบบใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจใน ปัจจุบันซึ่งเริ่มผลิตออกมาใช้เมื่อเร็วๆ นี้

    เหรียญ 5 บาทนิวซีรีส์...แม่ค้าไม่คุ้น




    คมชัดลึก : นับตั้งแต่กรมธนารักษ์ทยอยนำเหรียญชุดใหม่ (เหรียญนิวซีรีส์) ออกมาใช้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยปรับปรุงใหม่ทั้งเหรียญ 1บาท 2 บาท 5 บาท และ 10 บาท ปรากฏว่าประชาชนยังสับสน หลายคนไม่กล้าใช้คิดว่าเป็นเหรียญปลอม โดยเฉพาะเหรียญ 5 บาท ที่มีขนาดบางและเบาลงกว่าเดิมมาก นอกจากนี้ ยังไม่สามารถนำไปหยอดในตู้ซื้อสินค้าบางชนิดได้ เช่น ตู้น้ำอัดลม ตู้ซื้อตั๋วรถไฟฟ้าบีทีเอส ฯลฯ 
    "วรรณา ยินดียั่งยืน" ผอ.ส่วนวางแผนพัฒนาและเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักกษาปณ์ กรมธนารักษ์ เล่าว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2552 เป็นต้นมา กรมธนารักษ์ได้ผลิตเหรียญนิวซีรีส์ หรือเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนรุ่นใหม่ออกมาใช้ ขณะนี้ในตลาดมีครบทุกเหรียญแล้ว แต่ปริมาณไม่เท่ากัน แบ่งเป็นเหรียญ 25 สตางค์ 25 ล้านเหรียญ 50 สตางค์ 29 ล้านเหรียญ 1 บาท 19 ล้านเหรียญ 2 บาท 241 ล้านเหรียญ 5 บาท 229 ล้านเหรียญ และ 10 บาท 10 ล้านเหรียญ สำหรับสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนรูปโฉมผลิตเหรียญ 2 บาทใหม่ และผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุดก็เพราะที่ผ่านมาประชาชนสับสนระหว่างเหรียญ 2 บาทกับ 1 บาท เนื่องจากมีสีเงินและขนาดใกล้เคียงกันมาก กรมธนารักษ์จึงพยายามเรียกเก็บเหรียญ 2 บาทเดิม แล้วผลิตเหรียญ 2 บาทใหม่สีเหลืองทองออกมาใช้แทน

     "ตอนนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเหรียญ 2 บาทแล้ว เพราะเปลี่ยนสีไปเลย จากสีเงินที่มีส่วนประกอบโลหะนิกเกิลชุบเคลือบไส้เหล็กมาเป็นอะลูมิเนียม บรอนซ์ ทำให้มีสีเหลืองทอง เส้นผ่าศูนย์กลางเท่าเดิม แต่น้ำหนักลดลงจาก 4.4 กรัม เป็น 4.0 กรัม พอเปลี่ยนสีให้แตกต่างจากเหรียญ 1 บาทแล้ว ชาวบ้านก็ชอบ" วรรณา กล่าว

     อย่างไรก็ดี สำหรับเหรียญ 5 บาทใหม่กลับพบว่า กรมธนารักษ์ได้รับการร้องเรียนเข้ามามาก เนื่องจากน้ำหนัดลดลงทำให้เหรียญบาง ไม่หนาเหมือนเดิม จนมีข่าวลือในแถบภาคใต้ว่าเป็นเหรียญปลอม เวลาซื้อของพ่อค้าแม่ค้าไม่ยอมรับ ดังนั้น กรมธนารักษ์จึงพยายามชี้แจงว่าเป็นการลดต้นทุนการผลิต ใช้วัสดุเหมือนเดิมคือคิวโปรสอดไส้ทองแดง เพียงแต่เหรียญ 5 บาทซีรีส์ใหม่จะมีน้ำหนักแค่ 6.0 กรัม ต่างจากรุ่นเก่าที่หนัก 7.5 กรัม ส่วนเรื่องการหยอดตู้อัตโนมัติไม่ได้นั้น กรมธนารักษ์ได้ประสานผู้ผลิตตู้ให้เร่งปรับเครื่องรองรับเหรียญรุ่นใหม่แล้ว

     ส่วนเหรียญ 1 บาทใหม่จะแตกต่างจากเดิมคือ น้ำหนักน้อยกว่า 0.4 กรัม และเปลี่ยนจากเนื้อโลหะคิวโปรนิกเกิลเป็นนิกเกิลชุบเคลือบไส้เหล็ก ผอ.ส่วนวางแผนพัฒนาฯ อธิบายเพิ่มเติมว่า เพื่อลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากเหรียญ 1 บาทชุดเดิม มีต้นทุนการผลิตเกือบ 2 บาทต่อเหรียญ ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักสากล ที่ระบุให้มูลค่าวัสดุที่ใช้ผลิตเหรียญกษาปณ์แต่ละชนิด ไม่ควรเกินร้อยละ 40 ของราคาเหรียญ เช่น เหรียญ 1 บาท ต้องใช้มูลค่าโลหะที่ผลิตไม่เกิน 40 สตางค์ เป็นการป้องกันคนเอาเหรียญไปหลอมละลายทำเป็นสินค้าอย่างอื่น

     ทั้งนี้ เหรียญนิวซีรีส์ทุกรุ่นได้เปลี่ยนแปลงพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงด้วย โดยเปลี่ยนให้เป็นรูปแบบพระชนมายุปัจจุบันมากขึ้น เพราะเหรียญชุดเดิมใช้มากว่า 20 ปีแล้ว ส่วนลวดลายด้านหน้าและด้านหลังของเหรียญยังคงเหมือนเดิม เพียงแค่ปรับปรุงให้สวยงามคมชัดมากขึ้น

     "ขอให้ประชาชนอย่าเก็บสะสมเหรียญไว้ในบ้าน หากอยากออมเงินให้มาแลกเป็นธนบัตรไปเก็บ เพราะกรมธนารักษ์ต้องผลิตเหรียญใหม่ออกมาใช้แทนเหรียญเก่าที่หายไปจากตลาด การผลิตเหรียญโลหะเป็นการใช้ต้นทุนสิ่งแวดล้อมสูง ทั้งกระบวนการขุดเจาะหาแหล่งแร่โลหะ การถลุงโลหะ การหลอมโลหะ ฯลฯ ขั้นตอนเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น และประเทศไทยต้องซื้อเหรียญจากผู้ผลิตในต่างประเทศ ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ ถ้าทุกคนนำเหรียญเก่ามาหมุนเวียนใช้อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่ต้องผลิตเหรียญใหม่ ไม่ต้องขุดวัตถุดิบจากธรรมชาติมาใช้มากเกินความจำเป็น ถือว่าช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมทางอ้อม" ผอ.ส่วนวางแผนพัฒนาฯ กล่าว

     ด้าน "จิราวุธ ตันตระกูล" ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมเหรียญกษาปณ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงปัญหาของการใช้เหรียญซีรีส์ใหม่คือเรื่องน้ำหนัก เพราะตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติจะรับเหรียญโดยคำนวณจากเส้นผ่าศูนย์กลางและ น้ำหนัก หากผิดไปจากที่ตั้งโปรแกรมไว้ก็จะหล่นออกมา ส่วนตัวเห็นด้วยที่เปลี่ยนสีเหรียญ 2 บาทเป็นแบบใหม่ ป้องกันความสับสนกับเหรียญบาท ส่วนเหรียญ 5 บาทตอนนี้ประชาชนยังไม่เคยชิน แต่สักพักปัญหาต่างๆ จะหมดไป และเหรียญ 5 บาทเดิมก็จะเริ่มหมดไปจากตลาดด้วย

     "เหรียญ 5 บาทผลิตเกือบทุกปี ประมาณปีละ 30-100 ล้านเหรียญ คนที่สะสมจะเลือกรุ่นที่ผลิตน้อย เช่น เหรียญ 5 บาทปี 2546 ผลิตแค่ 182,000 เหรียญ สังเกตปีที่ผลิตได้จากตัวเลข พ.ศ.ที่ปั๊มอยู่ด้านหลังของเหรียญทุกอัน แม้หน้าเหรียญจะปั๊มราคาแค่ 5 บาท แต่ราคาที่นักสะสมซื้อคือเหรียญละ 50 บาท ซึ่งหาไม่ค่อยเจอแล้วเพราะผลิตน้อยมาก" จิราวุธ ระบุ

     ทั้งนี้ เว็บไซต์นักสะสมเหรียญหลายแห่ง ได้นำเหรียญกษาปณ์รุ่นต่างๆ มาประกาศขายกันอย่างคึกคัก โดยเหรียญ 5 บาทในปี 2546 มีการประกาศขายราคาเหรียญละ 150 บาท ส่วนเหรียญ 2 บาทบางรุ่นราคาสูงถึง 50 บาท

     เจ้าหน้าที่ศูนย์ฮอตไลน์ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส ชี้แจงถึงกรณีที่ไม่สามารถใช้เหรียญ 5 บาทกับเครื่องซื้อตั๋วอัตโนมัติว่า ขณะนี้ศูนย์วิศวกรรมของบริษัทยืนยันว่า กำลังมีการปรับปรุงระบบใหม่ทั้งหมด เพื่อทำให้เหรียญ 5 บาทซีรีส์ใหม่สามารถใช้ได้กับทุกเครื่องแล้ว

    ธนารักษ์ยันเหรียญบาทใหม่เป็นของจริง

    ธนารักษ์ยันเหรียญบาทใหม่เป็นของจริง


    นายเทวัญ วิชิตะกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ ชี้แจงกรณีที่มีประชาชนเข้าใจผิดว่าเหรียญราคา 1 บาท ที่ใช้อยู่ในท้องตลาดเป็นเหรียญปลอม โดยยืนยันว่า เหรียญดังกล่าวเป็นเหรียญที่กรมธนารักษ์ผลิตออกใช้แทนเหรียญ 1 บาทเดิม แต่น้ำหนักเหรียญรุ่นใหม่ ซึ่งนำออกมาใช้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกือบ 100 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 1% ของเหรียญบาทรุ่นเดิม ซึ่งเหรียญรุ่นใหม่นี้จะมีน้ำหนักเบาและแวววาวสวยงามกว่าเหรียญรุ่นเก่า ความนูนของลวดลายน้อยกว่าเหรียญรุ่นเดิม

    "ประชาชนอาจจะยังไม่ทราบว่ามีเหรียญ 1 บาทรุ่นใหม่ออกใช้แล้ว ซึ่งเหรียญใหม่เป็นเหรียญนิกเกิลไส้เหล็ก และมีน้ำหนัก 3 กรัม โดยเหรียญรุ่นใหม่จะใช้ควบคู่กับเหรียญรุ่นเดิมในระบบเศรษฐกิจ" นายเทวัญกล่าว

    ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนกันยายน ที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้เชิญผู้ประกอบการตู้โทรศัพท์สาธารณะ และผู้ประกอบการเครื่องหยอดเหรียญร่วมประชุมหารือและรับทราบรายละเอียด เกี่ยวกับการออกใช้เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเหรียญ 1 บาท และ 5 บาท ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องปรับปรุงตู้หยอดเหรียญให้สามารถรับเหรียญใหม่ได้ด้วย เช่น ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และตู้ขายสินค้า ซึ่งสรุปผลการหารือผู้ประกอบการจะปรับระบบเครื่องให้สามารถรองรับการใช้ เหรียญทั้งรุ่นเดิมและรุ่นใหม่ได้ โดยคาดว่าจะแก้ไขเครื่องให้แล้วเสร็จประมาณกลางปี 2553

    คลังสั่งศึกษาผลิตเหรียญ 20 บาท

    คลังสั่งศึกษาผลิตเหรียญ 20 บาท


    แนว คิดที่กระทรวงการคลัง จะผลิตเหรียญ 20, 50, และ 100 บาท เพื่อใช้แทนธนบัตร ยังเป็นข้อถกเถียงที่หาข้อยุติไม่ได้ โดยล่าสุดนายประสิทธิ์ สืบชนะ โฆษกกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมีนโยบายให้กรมธนารักษ์ศึกษาการผลิตเหรียญ กษาปณ์ 20, 50 และ 100 บาท เพื่อนำออกใช้ในระบบแทนการผลิตธนบัตร และถือเป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับระบบเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังขยาย ตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหากเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระดับที่เหมาะสมจะได้เริ่มผลิตออกใช้ ซึ่งปี 2553 มองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว จึงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เหมือนกับประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น เช่น ญี่ปุ่นจะมีการผลิตเหรียญ 100 เยนออกใช้ เนื่องจากค่าเงินของญี่ปุ่นแข็งค่ามากเหมือนกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ




    ดังนั้นจะเห็นว่าปัจจุบันเหรียญที่มีมูลค่าน้อย ประชาชนจะเริ่มไม่ค่อยนำมาใช้จ่ายในระบบกันมากนัก เช่น เหรียญ 25 หรือ 50 สตางค์ แม้กระทั่งเหรียญ 1 บาท ในปัจจุบันจะถูกมองว่ามีค่าน้อยมาก เมื่อค่าครองชีพสูงขึ้น ราคาสินค้าแพงขึ้น เหรียญ 5, 10, 20, 50 จะถูกใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้ามากขึ้น แต่แนวทางดังกล่าวต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ชัดเจนก่อน เพราะการผลิตเหรียญ 20, 50 และ 100 บาทออกมาใช้แทนการผลิตธนบัตรของ ธปท.ต้องศึกษาผลดีผลเสียก่อน โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาด้วย และอาจทำให้เงินเหรียญถูกมองว่ามีค่าน้อยลง จึงต้องศึกษาให้รอบคอบอีกครั้ง

    อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่าน ธปท.โอนหน้าที่ให้ธนารักษ์ผลิตเหรียญ 10 บาทแทนธนบัตรใบละ 10 บาท ตั้งแต่ปี 2532 หรือเป็นเวลาถึง 13 ปี มาแล้ว ในช่วงแรกประชาชนจะไม่ค่อยคุ้นเคย และจะรู้สึกแปลกๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ชินกับการใช้เหรียญ 10 บาท อีกทั้งธนบัตร 10 บาท มีอายุใช้งานได้เพียง 6-8 เดือน ขณะที่เหรียญ 10 บาท มีอายุใช้งานได้ถึง 10 ปี หากไม่ถูกทำลายให้บุบสลาย และยังมีต้นทุนการผลิตถูกกว่าธนบัตร โดยช่วงแรกที่ผลิตมีต้นทุนเพียง 3 บาท แต่ปัจจุบันต้นทุนเพิ่มเป็น 5 บาท จึงต้องปรับปรุงระบบการผลิตเหรียญกษาปณ์ หรือเปลี่ยนซีรีส์เหรียญ แบบใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจใน ปัจจุบันซึ่งเริ่มผลิตออกมาใช้เมื่อเร็วๆ นี้

    2 เหรียญ 1 ล้าน แม่เจ้า








    วันนี้ได้ นำเหรียญราคา สูงมาให้ชมกันครับ เหรียญทองคำขัดเงาพระราชินี พระชนมายุ 50 พรรษา ราคา 6 พันบาท ผลิตเพียง 99 เหรียญ ตั้งราคาไว้ถึง 2 แสนบาท
       
    ขวาสุดเหรียญ ร.5 ร.ศ. 127 เป็นเหรียญหนวด ตัวอย่างมีคำว่า “ESSAI” อยู่ด้วย ตั้งราคาไว้ 8 แสนบาท

    ไม่มีเงินซื้อไม่ได้นะเนี้ย !!

    ทำเหรียญกษาปณ์ รางวัลWIPO เฉลิมพระเกียรติ

    Pic_58735

    กรมธนารักษ์เตรียมจัดทำเหรียญ WIPO เฉลิมพระเกียรติในหลวง หลังได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญา...

    เมื่อ วันที่ 14 ม.ค.  นพ.ฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการจัดทำเหรียญ WIPO ว่า เนื่องในโอกาสที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization: WIPO) ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญา (Global Leader Award) แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ จึงได้เตรียมจัด ทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเชิดชูพระอัจฉริยภาพ ในการส่งเสริมเผยแพร่บทบาทด้านทรัพย์สินทางปัญญา และพัฒนานวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะโครงการพระราชดำริ การประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือ อุปกรณ์ งานวรรณกรรม อาทิ โครงการแกล้งดิน กังหันชัยพัฒนา ฝนหลวง เพลงพระราชนิพนธ์ ภาพวาดและภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ รวมทั้งผลงานด้านเครื่องหมายการค้าที่พระราชทานให้บริษัท สุวรรณชาด จำกัด และมูลนิธิชัยพัฒนา จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าอีกเป็นจำนวนมาก

    รม ช.คลัง กล่าวต่อว่า การจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกดังกล่าว จะจัดทำ 3 ประเภท คือ ทองคำขัดเงา เงินขัดเงา และโลหะผสมทองแดงและนิกเกิล โดยเหรียญกษาปณ์ประเภททองคำขัดเงา ผลิตจากทองคำบริสุทธิ์ 99 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนัก 15 กรัม ราคาจำหน่าย 25,000 บาท เหรียญกษาปณ์เงินขัดเงา ผลิตจากเงินบริสุทธิ์ 99 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนัก 22 กรัม ราคาจำหน่าย 1,400 บาท และเหรียญกษาปณ์โลหะผสมทองแดงและนิกเกิล น้ำหนัก 15 กรัม ราคาจำหน่าย 20 บาท

    "เพื่อเป็นการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพในเชิงนวัตกรรมอันมีคุณ ประโยชน์ อเนกอนันต์จนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก และมีส่วนร่วมในความภาคภูมิใจของพสกนิกรชาวไทยทุกคน การผลิตเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในโอกาสพิเศษครั้งนี้ กรมธนารักษ์จึงได้คิดค้นนวัตกรรมการผลิตด้วยเทคนิคพิเศษกว่าการผลิตเหรียญ ต่างๆ ที่ผ่านมา เพื่อให้เหรียญกษาปณ์มีความสวยงาม โดดเด่น สมพระเกียรติ และควรค่าแก่การเก็บสะสมไว้เป็นที่ระลึก ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการออกกฎกระทรวงฯ และคาดว่าจะเปิดให้รับจองประมาณเดือนมิถุนายน 2553"นพ.พฤฒิชัย กล่าว

    เตรียมเปิดจำหน่ายเหรียญที่ระลึก84พรรษา

    Pic_79528
    กรมธนารักษ์ เตรียมเปิดจ่ายแลก เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 84 พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ คาดเป็นช่วงประมาณเดือน ก.ค.นี้...
    เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพัณณวดี พระชนมายุ 84 พรรษา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่านที่ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจสำคัญหลายประการ ทั้งในด้านสังคมสงเคราะห์ โดยเสด็จออกเยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่าง ๆ ทรงรับสถาบัน และ องค์กรต่าง ๆ ไว้ในพระอุปถัมภ์เป็นจำนวนมาก ทั้งในส่วนที่สืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และ ของส่วนพระองค์เอง ในด้านการศึกษา การสาธารณสุข กิจการลูกเสือ-เนตรนารี และกิจการอาสาสมัครรักษาดินแดง ตลอดจนการสังคมสงเคราะห์อื่น ๆ กรมธนารักษ์ จึงได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกดังกล่าว และ เตรียมเปิดจ่ายแลก ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมนี้

    นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง กล่าวว่า วันนี้ คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงเพื่อจัดทำเหรียญกษาปณ์ ที่ระลึก สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระชมมายุ 84 พรรษา ซึ่งหลังจากนี้จะได้นำเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาร่างกฎกระทรวง และคาดว่าจะสามารถเปิดจ่ายแลกเหรียญได้ประมาณเดือนกรกฏาคม ศกนี้

    นพ.พฤฒิ ชัย ดำรงรัตน์ กล่าวต่อว่า การจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในครั้งนี้ จะจัดทำ 3 ชนิดราคา คือ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเงิน ชนิดราคา 800 บาท จำนวนผลิตไม่เกิน 5,000 เหรียญ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกโลหะสีขาว ชนิดราคา 20 บาท จำนวนผลิตไม่เกิน 400,000 เหรียญ และเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกโลหะสองสี ชนิดราคา 10 บาท จำนวนผลิตไม่เกิน 1,000,000 เหรียญ สำหรับรายละเอียดและความคืบหน้าจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป

    เด็ก 9 ขวบ ชนะออกแบบเหรียญกษาปณ์โอลิมปิก

    Pic_39493เด็กหญิงวัย 9 ปี ออกแบบเหรียญกษาปณ์โอลิมปิก มูลค่า 50 เพนซ์ โดนใจคณะกรรมการ คว้าชัยไปครอง กำหนดเริ่มใช้งานใช้จริงในปีหน้า เจ้าตัวเผยตื่นเต้นอยากเห็นผลงานปรากฏบนเหรียญ...

    สำนักข่าวต่าง ประเทศรายงานเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ว่า เด็กหญิงฟลอเรนซ์ แจ็คสัน  วัย 9 ขวบ ได้รับรางวัลชนะเลิส ออกแบบเหรียญกษาปณ์โอลิมปิก มูลค่า50 เพนซ์ และนับเป็นเด็กคนแรกที่ชนะการประกวดประเภทนี้  สำหรับการออกแบบเหรียญกษาปณ์โอลิมปิกครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อฉลองเจ้าภาพโอลิมปิกปี 2012 หรือ 2555 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพ โดยมีกำหนดหมุนเวียนใช้งานในปีหน้า 

    ทั้ง นี้เด็กหญิงแจ็คสัน ส่งผลงานการออกแบบรูปสลักนูนต่ำเป็นภาพนักกีฬากระโดดสูง ในโครงการ  'BBC One Blue Peter'  โดยมีผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมมากถึง 17,000  คน

    อย่างไรก็ตาม เจ้าของผลงานตัวเล็กแต่ความสามารถไม่เล็ก กล่าวว่า เหตุผลหลักในการตัดสินใจส่งผลงานเข้าประกวด เพราะรักการวาดเขียน สำหรับแรงจูงใจที่เลือกนักกีฬากระโดดสูงเป็นต้นแบบ เนื่องจากคิดว่าเป็นกีฬาที่สนุกสนาน ทั้งนี้เด็กหญิงแจ็คสันเปิดเผยความรู้สึกว่า ตื่นเต้นระคนดีใจ อีกทั้งรู้สึกประหลาดใจมาก ที่คณะกรรมการคัดเลือก และตัดสินมอบรางวัลให้กับผลงานของตน อีกทั้งแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นผลงานของตนปรากฏอยู่บนเหรียญ และได้พกไว้ในกระเป๋าสตางค์

    เหรียญทองคำเป็นแสน


    กรุงแตกครั้งที่ 3 !!!
       
    ไทยเราเสียกรุงให้แก่พม่ามาแล้ว 2 ครั้ง
       
    ครั้งแรก สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกอบกู้เอกราชให้แก่กรุงศรีอยุธยา
       
    ครั้งที่ 2 เราเสียกรุง ให้แก่พม่าในปี พ.ศ. 2310 ขณะขุนหลวงขี้เรื้อนเป็นพระมหากษัตริย์ของไทย
       
    การเสียกรุงครั้งที่ 2 นี้ พม่าได้เผากรุงศรีอยุธยาวอดวาย เล่ากันว่าไฟไหม้โหมกรุงถึง 7 วัน 7 คืน
       
    พม่าสุมไฟลอกเอาทองคำ จากองค์พระพุทธรูปองค์ใหญ่ และกวาดต้อนผู้คนไปเป็นอันมาก คนไทยหนีตาย แตกแยกกันมากมาย
       
    ไทยเราได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้เอกราชและตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี
       
    การเสียกรุงครั้งที่ 2 นี้ เกิดจากการแตกแยกสามัคคีกัน
       
    ผู้ที่ต้องรับผิดชอบไม่มีทางหลีกเลี่ยงคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งคู่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และเลขาธิการพรรค
       
    ไม่ว่ารัฐบาลจะแพ้หรือชนะ คาดว่าจะอยู่ในตำแหน่งต่อไป จนจบเทอมไม่ได้แน่นอน
       
    คราวหน้าอาจจะไม่เห็นบุคคลทั้งสองเป็น ส.ส. ก็อาจจะเป็นได้ อาจจะจบเกมการเมือง หลังจบจลาจลคราวนี้
       
    วันนี้ได้นำทองคำและเงินขัดเงา โดยเหรียญ ทองคำ ราคา 2,500 บาท เงินราคา 200 บาท ผลิตใน  “ปีมังกรทอง” หรือ “ปีมะโรง งูใหญ่” เหรียญทั้งคู่หนัก 5 ออนซ์เท่ากัน บรรจุกล่องไม้สวยงามมาก พร้อมใบรับรองหมายเลข 271 ผลิตทั้งหมด 500 ชุดเท่านั้น

    บริษัทเอื้อเสรีคอล เลคติ้ง จำกัด นำออกประมูลเมื่อเร็ว ๆ นี้ตั้งราคาไว้ 350,000 บาท แต่มีผู้ให้ราคาสูงถึง 390,000 บาท 
       
    ผู้ที่ต้องการนำสินค้าไม่ว่าจะเป็นธนบัตร เหรียญ แสตมป์ โบราณวัตถุต่าง ๆ ฯลฯ ออกร่วมประมูลรีบติดต่อกับทางบริษัทเอื้อเสรีคอลเลคติ้ง จำกัด 1256/8 ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กท. 10300 โทร. 0-2243-1789 อีเมล auction@eurseree.com ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 7 มิ.ย. 53
       
    การประมูลจะจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 8 และ 9 สิงหาคม 53 และก่อนหน้านั้นจะจัดให้ชมสินค้าและมีผู้เชี่ยวชาญประเมินราคาสิ่งของให้ฟรี ด้วย